หลายคนอาจบอกว่า ไพ่ โบรกเกอร์ หรือ เกมไพ่ ชนิดนี้เป็น ‘การพนันเสี่ยงโชค’ โดยลุ้นให้ไพ่ในมือของเราใหญ่พอที่จะกินเงินของผู้เล่นคนอื่นได้ แต่หากไปถาม นักเล่นโป๊กเกอร์อาชีพ สำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่แค่การพนันอย่างแน่นอน เพราะต้องใช้ทักษะในการเข้าใจเกม คำนวณความเป็นไปได้ของหน้าไพ่ที่จะออก และการใช้หลักจิตวิทยาในการอ่านใจคู่แข่ง จนถูกบรรจุให้เป็น ‘กีฬา’ ที่มีการแข่งขันอย่างเป็นทางการในชื่อ World Series of Poker (WSOP) ซึ่งจัดขึ้นทุกปีที่เมืองลาสเวกัส โดยมีเงินรางวัลรวมถึง 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นกีฬาที่มีเงินรางวัลสูงเป็นอันดับที่ 9 ของโลก
โป๊กเกอร์เข้าข่าย ‘เกมกีฬา’ หรือไม่
พจนานุกรมของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge Dictionary) ได้ให้ความหมายของเกมกีฬาไว้ว่า ‘เกม, การแข่งขัน, หรือกิจกรรมใดๆ ที่ใช้การใช้งานทางกายภาพและทักษะในการเล่นภายใต้กฎของกิจกรรมนั้นๆ เพื่อความบันเทิงหรือเพื่อประกอบอาชีพ’ สำหรับเกมที่มีลักษณะเข้าข่ายชัดเจนอย่าง ฟุตบอล บาสเกตบอล หรืออเมริกันฟุตบอล จึงไม่เป็นที่สงสัยในแง่ของการแข่งขันกีฬา
แต่สำหรับโป๊กเกอร์ ดูเหมือนจะเป็นเกมที่มีความ ‘ก้ำกึ่ง’ อยู่ บางประเทศมองว่าเป็นการพนันผิดกฎหมาย แต่ขณะที่บางประเทศถึงกับยกย่องว่า โป๊กเกอร์เป็นเกมที่ใช้ทักษะมากพอจนสามารถเรียกว่าเป็น ‘กีฬา’ ได้เช่นกัน
อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกาที่นิยมเล่นเกมไพ่ชนิดนี้มาก ก็มีการเปิดให้เล่นในผับ บาร์ คาสิโน กระทั่งโป๊กเกอร์ออนไลน์ จึงทำให้โป๊กเกอร์นั้นถูกยอมรับว่าเป็นกีฬาถูกกฎหมาย หรือประเทศที่สร้างผู้เล่นมืออาชีพได้อย่างโดดเด่นในการแข่งขัน WSOP ทั้งฝรั่งเศสและแคนาดา ก็ยอมรับให้โป๊กเกอร์ถูกกฎหมายเช่นกัน
โดยประเทศเหล่านี้ได้มีการยอมรับให้มีการแข่งขันโป๊กเกอร์อย่างถูกกฎหมายและเป็นทางการ พร้อมกับจัดให้โป๊กเกอร์เป็นกีฬา ถึงแม้ว่าจะอยู่ในประเภทกีฬาที่เติบโตมาจากการพนันก็ตาม (Sport Gambling)
เกมที่ต้องวางแผนขั้นสูง แต่มีเงินเดิมพันเป็นเครื่องมือในการเล่น
กติกาของ ไพ่ โบรกเกอร์ นั้นแยกย่อยออกเป็นหลายประเภท แต่หนึ่งในกติกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และถูกนำไปใช้ในการแข่งขัน WSOP มีชื่อว่า ‘Texas Hold’em Poker’ ในการเล่นจะถูกแบ่งอยู่ใน 4 รอบต่อการเล่น 1 ครั้ง เงื่อนไขคือการให้ไพ่ 2 ใบบนมือเรารวมกับไพ่บนบอร์ดให้ใหญ่กว่าผู้เล่นอื่น เพื่อที่จะชนะเงินเดิมพันทั้งหมดในครั้งนั้นไป
ในรอบแรก เราจะเรียกช่วงนี้ว่า Pre-flop ผู้เล่นทุกคนจะได้รับไพ่คนละ 2 ใบที่คว่ำหน้าลง พร้อมกับไพ่อีก 3 ใบที่คว่ำหน้าอยู่ในกองกลาง หรือที่เรียกว่า บรอด (Broad) จากนั้นจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกคนมีทางเลือก 3 ทางในการเล่น ได้แก่ 1. ผ่าน (Check) โดยไม่ทำอะไร 2. เก (Rasie) หรือเพิ่มเงินเดิมพัน และ 3. หมอบ (Fold) หากไพ่บนมือของคุณนั้นไม่ใหญ่พอ
นอกจากนี้ หากมีผู้เล่นคนใดเพิ่มเงินเดิมพัน ผู้เล่นที่เหลืออยู่ก็จำเป็นต้องเพิ่มเงินเดิมพันให้มากกว่าหรือเท่ากับเงินเดิมพันที่ถูกเพิ่มเข้ามา เพื่อให้สามารถเล่นเกมในรอบถัดไปได้
รอบที่สอง เราจะเรียกช่วงนี้ว่า Flop โดยเจ้ามือ (Dealer) จะทำการเปิดไพ่ทั้ง 3 ใบที่อยู่ในบรอด เพื่อให้ผู้เล่นที่เหลืออยู่ตัดสินใจว่าจะ ผ่าน เพิ่มเงินเดิมพัน หรือหมอบอีกครั้ง รอบที่สาม เรียกว่า Turn เป็นการเปิดไพ่กองกลางใบที่ 4 และรอบที่สี่เรียกว่า River ซึ่งเป็นการเปิดไพ่กองกลางใบสุดท้าย
ท้ายที่สุด ผู้เล่นที่ยังคงมีไพ่ 2 ใบในมือจะทำการเปิดไพ่ของตน เรียกว่า Showdown เพื่อหาผู้ชนะที่มีชุด 5 ใบที่ดีที่สุด นอกเหนือจากการเอาชนะผู้เล่นคนอื่นด้วยการ Showdown ยังสามารถเอาชนะได้โดยการเพิ่มเงินเดิมพันเพื่อให้ผู้เล่นคนอื่นหมอบไปก่อนที่จะถึงรอบ Showdown ก็ได้เช่นกัน